ภูมิศาสตร์
จังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ระหว่างเส้นละติจูดที่ 7 องศา 45 ลิปดา ถึง 8 องศา 15 ฟิลิปดาเหนือ เส้นลองจิจูดที่ 98 องศา 15 ลิปดา ถึง 98 องศา 30 ฟิลิปดาตะวันออก เป็นจังหวัดเดียวของประเทศไทยที่มีลักษณะเป็นเกาะ ทั้งยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 339,396 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาทอดในแนวเหนือใต้ มีพื้นที่ภูเขาประมาณร้อยละ 70 ของเกาะ ส่วนใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกจึงเป็นแนวกำบังลมและฝนทำให้ปลอดภัยจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนพื้นที่ราบมีประมาณร้อยละ 30 ของเกาะ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางฝั่งตะวันออกและบริเวณชายฝั่งตะวันตก
ชายฝั่งด้านทิศตะวันออกเป็นหาดโคลนและป่าชายเลน ส่วนด้านทิศตะวันตกจะเป็นหาดทรายสวยงาม มีเกาะนอกชายฝั่งประมาณ 36 เกาะ
จากลักษณะทางธรณีวิทยาของเกาะภูเก็ตที่ประกอบด้วยหินชุดต่าง ๆ รวมทั้งหินอัคนี ที่คลุมพื้นที่ 2 ใน 3 ของเกาะ โดยเฉพาะหินอัคนีชุดเขาโต๊ะแซะนั้นมีศักยภาพในการให้แร่ดีบุกสูงสุด แผ่นดินภูเก็ตในอดีตจึงนับได้ว่าเป็นเมืองแห่งแร่
ลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ประวัติศาสตร์
หลักฐานการเข้ามาอยู่อาศัยของมนุษย์ในเกาะภูเก็ตนั้น พบว่าแถบบ้านกมลา อำเภอกะทู้ มีเครื่องมือหินขัดและภาชนะดินเผาที่แสดงว่ามีมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว
ประมาณ พ.ศ. 700 มีชื่อ Junk Ceylon ในหนังสือภูมิศาสตร์ของปโตเลมี ซึ่งหมายถึงเกาะถลางหรือภูเก็ตปัจจุบัน แต่ยังไม่มีหลักฐานชุมชนในสมัยนั้น ชื่อถลางเพิ่งปรากฏในตำนานเมืองนครศรีธรรมราชในชื่อ “ตะกั่วถลาง” เมืองตราสุนัข ประจำปีจอ หนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตรของนครศรีธรรมราช
เมื่อถึงสมัยอยุธยาเมืองถลางเคยเป็นสถานีการค้าของฮอลันดาเพราะมีทรัพยากรที่สำคัญคือแร่ดีบุก ต่อมาฝรั่งเศสได้เข้ามาผูกขาดการค้าดีบุกของถลางแทนอยู่ระยะหนึ่งแล้วก็ต้องเลิกไปเพราะเกิดแตกร้าวกันขึ้นในสมัยสมเด็จพระเพทราชา
ในสมัยธนบุรี พ่อค้าชาวอังกฤษชื่อฟรานซิส ไลท์ ได้มาตั้งบ้านเรือนค้าขายอยู่ที่เกาะถลาง ต่อมาได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลอังกฤษให้เป็นผู้ว่าราชการของปีนัง ยังคงติดต่อค้าขายกับหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันตกจนถึงสมัยรัชกาลที่ 1 รัตนโกสินทร์
พ.ศ. 2328 เมืองถลางถูกพม่ายกกองทัพเข้ามาตี แต่เป็นช่วงที่เจ้าเมืองถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว มีท่านผู้หญิงจันภรรยาเจ้าเมืองกับคุณมุกน้องสาวร่วมกับชาวเมืองต่อสู้จนสามารถรักษาเมืองเอาไว้ได้ จึงได้รับแต่งตั้งเป็น “ท้าวเทพกษัตรี” และ “ท้าวศรีสุนทร” ต่อมาใน พ.ศ. 2352 พม่ายกกองทัพมาตีเมืองถลางอีกครั้ง ทำให้เมืองถลางเสียหายยับเยินมาก และมีผู้ว่าราชการเมืองต่อมาอีกหลายคนจนถึงสมัยของพระยาถลาง(เจิม) ได้ให้บุตรชายชื่อแก้วไปเป็นเจ้าเมืองภูเก็ต เดิมภูเก็ตเป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ก่อนแล้ว แต่คงจะร้างรา ไปหลังศึกพม่า 2352 นายแก้วได้ตั้งเมืองภูเก็ตใหม่ที่บ้านเก็ตโฮ่ ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระภูเก็ตโลหะ- เกษตรารักษ์ มีบุตรชายชื่อทัด นายทัดได้พบแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ที่บ้านทุ่งคา จึงตั้งหลักฐานทำแร่ขึ้น ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองภูเก็ตแทนบิดา จึงย้ายที่ตั้งเมืองมายังบ้านทุ่งคา เมืองภูเก็ตที่ทุ่งคาเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเมืองภูเก็ตได้ยกฐานะเป็นหัวเมืองขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ส่วนเมืองถลางกลายเป็นเมืองที่ขึ้นต่อภูเก็ต
พ.ศ. 2418 มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการปกครองหัวเมืองฝ่ายทะเลตะวันตก คือทางกรุงเทพฯ ได้ตั้งข้าหลวงใหญ่มาประจำที่ภูเก็ตเพื่อกำกับดูแลราชการ โดยเฉพาะผลประโยชน์จากดีบุก จนถึง พ.ศ. 2435 ที่เริ่มการปกครองระบบมณฑลเทศาภิบาล ซึ่งยังเป็นมณฑลฝ่ายทะเลตะวันตกในระยะแรก มาเปลี่ยนเป็นมณฑลภูเก็ตใน พ.ศ. 2437 เมื่อยกเลิกมณฑลใน พ.ศ. 2476 ภูเก็ตก็เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย
เขตการปกครอง
จังหวัดภูเก็ต แบ่งการปกครองออกเป็น 3 อำเภอ ได้แก่
1. อำเภอเมืองภูเก็ต
2. อำเภอถลาง
3. อำเภอกะทู้